จากประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการศิลปินในพำนัก ณ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ศิลปินได้ใช้เวลาเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของแสงในทุกช่วงเวลาของแต่ละวัน สะท้อนผ่านทิวทัศน์อันงดงามของอุทยานแห่งชาติวอลเลมี (Wollemi National Park) แสงแดดที่นั่นมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากแสงในพื้นที่อื่น ๆ อย่างมาก ความประทับใจนั้นได้ปลุกให้เกิดความรู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และตระหนักถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพลังแสงอาทิตย์
จากแสงแดดในต่างแดน ความทรงจำในอดีตที่กระตุ้นเตือนความรู้สึกพิเศษเกี่ยวกับแสงได้ค่อย ๆ ผุดพรายขึ้นมา แสงเทียนบูชาและผางประทีปที่แม่และยายพาจุดในค่ำคืนเดือนเพ็ญของเทศการยี่เป็งแบบชาวล้านนา แสงจากการบูชาพระรัตนตรัย การคารวะต่อจิตวิญญาณบรรพบุรุษ หรือเพียงแสงสว่างที่ลอดผ่านใบไม้ภายใต้ร่มเงาที่สลัวในพื้นที่แตกต่างกันไป
แม้ความศักดิ์สิทธิ์ของแสงธรรมชาติจะถูกท้าทายด้วยสติปัญญาของมนุษย์ ผู้สร้างสิ่งประดิษฐ์นับไม่ถ้วนที่สามารถมอบแสงทางกายภาพมากมาย ทว่าความพยายามเหล่านั้นกลับไม่อาจลบเลือนความรู้สึกซาบซึ้งและความนอบน้อมที่ศิลปินมีต่อพลังธรรมชาติได้ ตรงกันข้าม แสงกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความพยายามของมนุษย์ที่จะหลุดพ้นจากความมืดและความไม่รู้ นับตั้งแต่ยุคโบราณจวบจนปัจจุบัน
information provided by event organizer



