ลูกสาวของขุนเขา บอกเล่าถึงความคิดถึง ห่วงหา อาลัยรัก ที่ผมมีต่อลูกสาวของพวกเรา(หมาน้อยซูซูเป้)
ภรรยาผมเก็บเค้ามาจากแคมป์ทหารในกองถ่ายหนังสงครามญี่ปุ่นที่มาตั้งกองถ่ายในฐานทัพเรือสัตหีบตั้งแต่น้องอายุได้เดือนเดียว
พวกเราผูกพันกันอย่างครอบครัวที่มีพ่อ แม่ และลูกสาว เป็นคืนวันที่งดงามมากสำหรับพวกเรา
แต่เวลาในช่วงชีวิตเราผ่านไปเร็วเหมือนกระพริบตา หรือเพียงชั่วขณะที่แมลงเล็กๆกระพือปีก ไม่มีใครเตือนว่าทุกอย่างจะผ่านไปเร็วเหมือนลมพัดโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัวหรือเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้
10 มกราคม 4 ปีก่อนหน้า ผมเสียพ่อไปด้วยโรคมะเร็งโดยคนทั้งครอบครัวไม่ทันได้เตรียมใจ หรืออาจเป็นตัวผมเองที่ไม่ยอมเข้าใจสถานการณ์
10 มกราคม 2567 ลูกสาวของเราในวัย 14 ปีถือเป็นหมาที่มีอายุแล้วเดินเตอะแตะด้วยขาหลังที่เริ่มไม่ดีแล้ว ออกจากบ้านไป แล้วพวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
ตั้งแต่วันนั้นมา นอกจากร้องไห้แล้ว พวกเราทำทุกอย่างเท่าที่จะคิดและทำได้ ทุกอย่างจริงๆเพื่อจะตามหาเค้า แต่ไม่เป็นผล
ผมไม่สามารถวาดรูปได้ ใช้ชีวิตเป็นปรกติ บางครั้งการหายใจยังรู้สึกเจ็บ ไม่ใช่ที่ร่างกายแต่เป็นที่วิญญาณ ผมแตกสลายเหมือนเศษแก้วเล็กละเอียดแล้วถูกพัดกระจายหายไป
ถึงวันนี้เวลาช่วยได้บ้าง พวกเราไม่ร้องไห้พร่ำเพรื่ออีกแล้ว
ลูกสาวของขุนเขาเป็นเหมือนเรื่องราวของช่วงชีวิต 5 ปีสุดท้ายที่เราได้ใช้ร่วมกันที่บ้านเล็กๆริมแม่น้ำน่าน ห่มผ้าห่มหนากอดกันในวันอากาศหนาว ขึ้นภูเขา ลงเล่นในแม่น้ำ วิ่งเล่นในทุ่งนา ได้รักกัน ดูแลเค้าในช่วงสุดท้าย
ขอบคุณที่หนูมาเพื่อรักและสอนให้พ่อรัก


information provided by event organizer




