นิทรรศการกลุ่มเพื่อสำรวจภูมิทัศน์ทางอารมณ์ ที่ซึ่งศิลปะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ช่วงเวลาแห่งการอยู่ร่วมกัน และเพื่อนคู่ใจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สำหรับ Mamas Gold การวาดภาพคือกิจวัตรประจำวันอันอ่อนโยนที่ช่วยให้เธอจัดการกับความโศกเศร้าทางอารมณ์ ทางด้านอารดามองว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตัวเธอเองและโลกรอบตัว ส่วนปราชญ์น้ำเพชรใช้ศิลปะเพื่อโอบกอดและเยียวยาความเปราะบางภายในของเธอท่ามกลางภูมิทัศน์ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และสำหรับ Jayjeorje ผู้เกิดและเติบโตในกรุงเทพฯ ศิลปะกลายเป็นพื้นที่อิสระที่เปิดโอกาสให้เขาหลีกหนีจากความวุ่นวายอันเร่งรีบในเมืองใหญ่ จุดมุ่งหมายของงานเหล่านี้ไม่ใช่การอธิบายหรือสั่งสอน หากแต่มันเกิดขึ้นจากห้วงเวลาแห่งการใคร่ครวญ ความปั่นป่วนทางอารมณ์ และความเพียรอันเงียบสงบ แต่ละชิ้นคือการแสดงออกส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ เป็นการมอบให้ผ่านการปรากฏอยู่อย่างเงียบเชียบมากกว่าแสดงออกอย่างชัดแจ้ง ในความหมายนี้ ศิลปะจึงกลายเป็นโครงสร้างที่ละเมียดละไม สำหรับสิ่งที่ไม่อาจสื่อสารได้ง่ายนัก เป็นพื้นที่ที่ชีวิตภายในยังคงความนุ่มนวลและความห่วงใยไว้ การแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ช่วยหล่อหลอมอารมณ์ที่ท่วมท้น ให้คงอยู่โดยไม่ล้นเกิน สะท้อนถึงพิธีกรรมอันคุ้นเคยของไทยเกี่ยวกับความยืดหยุ่นอย่างเงียบเชียบ ได้แก่ การวาดเส้นซ้ำๆ ความนิ่งสงบ การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า และจังหวะการสร้างสรรค์ที่สม่ำเสมอ นิทรรศการ Solace: A space within ไม่ได้สร้างข้อสรุป แต่เป็นการให้ ‘พื้นที่’ ซึ่งถูกใช้สำหรับการปล่อยวาง การหันกลับเข้าสู่ภายใน และระลึกว่าแม้แต่การสร้างสรรค์ที่เรียบง่ายที่สุด ก็สามารถเป็นหนทางในการประคับประคองตนเองอย่างเงียบเชียบและด้วยความเมตตา เชื้อเชิญให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลาย และระลึกว่าการสร้างสรรค์งานศิลปะในทุกระดับ สามารถเป็นหนทางในการประคับประคองตนเองอย่างอ่อนโยนได้
information provided by event organizer