การพูดถึงสภาวะพื้นที่ผ่านมุมมองที่มีความปัจเจกสะท้อนถึงโครงสร้างเมือง สภาพแวดล้อม จากมุมมองของศิลปินในแง่การอุปมามัยอุปมัยของพื้นที่เสมือนสังคมซึ่งมีความหลากหลายของบุคคลต่างๆ โดยกลุ่มศิลปิน The circle of space ได้แก่ วิชุดา ขันติจิตร, กนกวรรณ สุทธัง และอภิชญา วรรณกิจ
โครงสร้างเมืองล้วนมีการจัดสรรพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วย สภาพแวดล้อม โครงสร้างผังเมือง ตึก ถนน สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้กรอบบางอย่าง หากเริ่มต้นจากบริบทของพื้นที่นี้ นอกเหนือจากการเป็นพื้นที่ศิลปะในบริบท white cube สถานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง แต่แฝงไปด้วยความสงบของย่านนี้ ถนนหลักจากเส้นที่เป็นทางลัดเชื่อมต่อจากเส้นเศรษฐกิจตามแนวรถไฟฟ้า ตัดเข้าถนนวิทยุ ซึ่งอยู่ในเขตลุมพินี เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ที่อยู่อาศัย แกลเลอรี่หลายแห่ง รวมถึงสวนสาธารณะที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานของโครงสร้างเมือง อีกนัยหนึ่งการกระจุกตัวของโครงสร้างพื้นที่เศรษฐกิจ เมื่อมองภาพกว้างนอกจากจะพบพื้นที่พัฒนามากมาย ยังมีแหล่งพื้นที่ชุมชนอย่างชุมชนบ่อนไก่อันเป็นนัยยะสำคัญหนึ่งที่บุคลากรหลายส่วนใหญ่เป็นแรงงานขับเคลื่อนพื้นที่เศรษฐกิจย่านนี้ ล้วนแล้วแต่อาศัยในชุมชนซึ่งสอดคล้องกับการใช้ชีวิตการเดินทางเข้าสู่จุดศุนย์กลางของ พื้นที่ทำมาหากินเสมือนสังคมที่มีความหลากหลายของบุคคลต่างๆ ต่างอาชีพ ต่างความคิดซึ่งศิลปินแต่ละคน นำเสนอพื้นที่ของตนเองสะท้อนความเป็นบุคคลอันเข้ามาอาศัยอยู่ในสถานที่นี้เช่นกัน
วิชุดา ขันติจิตร ศิลปินอุปมาอุปมัยสภาวะพื้นที่หนึ่งในองค์ประกอบโครงสร้างเมืองโดยสะท้อนถึง ปัจเจคบุคคล การใช้ชีวิตเรียบง่ายที่ไม่จำเป็นต้องโดดเด่นเหมือนใคร แต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของ Space of self-worth เสมือนดอกคุณนายตื่นสาย ที่มีความเข้าใจตัวตนและขีดจำกัดของพื้นที่ที่ต่างกันออกไป เช่นการดำเนินชีวิตภายใต้กรอบของสังคมและตระหนักถึงความธรรมดาที่เกิดขึ้นดังนั้นงานของศิลปินจึงไม่ต่าง จากสภาวะหนึ่งของการ ใช้ชีวิตและปรับตัวในพื้นที่ต่างๆขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
กนกวรรณ สุทธัง มองพื้นที่หนึ่งผ่านวัชพืช หากมองโครงสร้างพื้นที่ของเมืองที่มักถูกออกแบบเพื่อสนองความพึงพอใจและการใช้ประโยชน์ พื้นปูนซีเมนต์และอิฐที่วางเป็นระเบียบจนวัชพืชต้องแทรกเบียด ตามซอกหลืบเพื่อมีชีวิต กลายเป็นสิ่งแปลกซึ่งอาจไม่เป็นที่ต้องการในพื้นที่เมือง
วัชพืชมักจะเติบโตและสอดแทรกอยู่ในมุมปลูกต้นไม้หน้าบ้านของศิลปินอยู่เสมอ มีหญ้าชนิดหนึ่งที่ “มัว” (แมวของศิลปิน) ชอบกิน ในขณะเด็ดหญ้าศิลปินพบวัชพืชมากมาย รูปร่างแปลกและไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน จึงเกิดความสนใจที่ทำให้พบเห็นมันมากขึ้นแทบทุกที่ จากพื้นที่ส่วนตัวสู่พื้นที่ใจกลางเมือง วัชพืชยังคงเติบโตตามธรรมชาติ แม้อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนว่าจะมองมันอย่างไร ทำให้ศิลปินนึกถึง quote หนึ่งที่ชอบของ Winnie the Pooh “Weeds are flowers, too Once you get to Know Them” ศิลปินจึงต้องการนำเสนอวัชพืชผ่านมุมมองเล็กๆของตนมากกว่าความเป็นพืชที่คนไม่ต้องการ
สภาวะพื้นที่ไร้กาลเวลา สื่อสารโดย อภิชญา วรรณกิจ โดยเปรียบเทียบกับโครงสร้างพื้นที่เพื่อตั้งคําถามระหว่างการรู้และไม่รู้ผ่านความจริงและไม่จริงจากความฝันที่เฉพาะเจาะจงสถานการณ์มากขึ้น ซึ่งเป็นการมองผ่านภาพบุคคลมากกว่าการมองภาพกว้างของพื้นที่
ผลงานของศิลปินนําเสนอการสํารวจความสัมพันธ์ระหว่างโลกส่วนตัว โลกลับ และขอบเขตครอบครัว อันมีรากฐานมาจากการเติบโตของเธอในหมู่บ้าน สะท้อนถึงอดีตในอุดมคติและความเป็นจริงของวัยผู้ใหญ่ในเมือง ด้วยสไตล์อันลึกลับของเธอเชิญชวนให้ผู้ชมเจาะลึกเข้าไปในจิตใต้สํานึกของความทรงจํา ที่ความลึกลับในอดีตยังคงเป็นส่วนหนึ่งของปัจจุบัน เชื้อเชิญให้วิเคราะห์อย่างเงียบๆ มากกว่าการเปิดเผยในทันที
สัญลักษณ์และคําอุปมาเพิ่มความซับซ้อนให้กับงานของเธอ โดยสะท้อนถึงแง่มุมลึกลับในการดํารงอยู่ของมนุษย์ ความจริงไม่ได้อยู่ที่คําตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่อยู่ที่ความแตกต่างอันละเอียดอ่อนต่อการตีความที่พยายามจะเข้าใจตนเองและสังคม ผลงานนําเสนอการเดินทางแบบไตร่ตรองของศิลปินที่อดีตและปัจจุบันมาบรรจบกันด้วยการสํารวจถึงการดํารงอยู่ในพื้นที่ไร้กาลเวลา
information provided by event organizer